ปิดฉากยูโร อิตาลีมีชัยเหนืออังกฤษ คว้าแชมป์สมัยที่สองไปครอง

อังกฤษเปิดบ้านเป็นเจ้าภาพต้อนรับการมาเยือนของอิตาลี ที่สนามเวมบลีย์ เริ่มเกมการแข่งขันได้เพียง 2 นาที กลายเป็นทัพสิงโตคำรามออกสตาร์ทได้ดีกว่า ‘คีแรน ทริปเปียร์’ เปิดบอลจากฝั่งซ้ายเข้ามาที่หน้าประตูของฝั่งอิตาลี เป็น ‘ลุค ชอร์’ กองหลังของอังกฤษยิงประตูเข้าไปอย่างรวดเร็ว ทำให้อังกฤษขึ้นนำไปก่อน 1-0 รูปเกมในครึ่งแรกนั้น ทั้งสองฝั่งผลัดกันรุกผลัดกันรับไปมา จบเกมครึ่งแรกทีมชาติอังกฤษที่ออกนำทีมชาติอิตาลีไปก่อนหนึ่งประตูต่อศูนย์

เปิดเกมมาครึ่งหลัง เป็นทางฝั่งของทีมชาติอิตาลีที่เปิดเกมรุกใส่ทีมชาติอังกฤษ ได้จังหวะการทำประตูจากลูกยิงฟรีคิกของ ‘ลอเรนโซ อินซินเญ’ ยิงเฉียดเสาออกไปนิดเดียว ทั้งสองทีมเปิดเกมรุกใส่กันไปมาอย่างสนุก จนมาถึงนาทีที่ 67’ เป็น ‘เลโอนาร์โด โบนุชชี่’ ได้ทำประตูตีเสมอจากการเตะมุมของ ‘โดเมนิโกร เบราร์ดี’ เข้ามาในกรอบเขตโทษ ทำให้สกอร์กลับมาเป็น 1-1 ทั้งสองทีมต่างเร่งเครื่องทำประตูใส่อีกฝั่ง แต่ขณะเดียวกันก็ต้องระวังการขึ้นมาทำประตูของอีกฝั่งด้วย ทำให้จบ 90 นาทีไป ทั้งสองทีมเสมอกันอยู่ที่หนึ่งประตูต่อหนึ่ง

จนในช่วงต่อเวลาการแข่งขันพิเศษก็ยังไม่มีใครทำอะไรกันได้ ต้องไปตัดสินกันด้วยการดวลลูกโทษ กลายเป็นทางฝั่งของอิตาลีที่ยิงแม่นกว่า และเซฟลูกยิงได้ดีกว่า พวกเขาสามารถเอาชนะทีมชาติอังกฤษสกอร์ลูกโทษ 3-2 ส่งผลให้พวกเขาสามารถคว้าแชมป์เป็ยสมัยที่สองในศึกฟุตบอลยูโรมาได้สำเร็จ ส่วนทีมชาติอังกฤษที่รอคอยมานานกว่า 55 ปีนั้น ก็ยังคงต้องรอคอยกันอีกต่อไป

และดูเหมือนว่าหลังจากจบเกมในนัดชิงชนะเลิศไปแล้วนั้นจะมีการเกิดดราม่านิด ๆ เกี่ยวกับแทคติกการทำทีมของ ‘แกเร็ธ เซาธ์เกต’ ผู้จัดการทีมชาติอังกฤษถึงการเปลี่ยนตัวคนที่จะลงมายิงลูกโทษ จนส่งผลให้ทีมชาติอังกฤษพ่ายแพ้ไปนั้น แต่ถึงอย่างไรก็ดี เขาก็สามารถพาทีมผ่านมาได้ถึงรอบชิงชนะเลิศเป็นครั้งแรกในรอบ 55 ของทีมชาติอังกฤษในรายการแข่งขันระดับเมเจอร์ ก็เป็นสิ่งที่น่าจะเพียงพอต่อการพิสูจน์สำหรับเขาแล้ว