แอนโทนี่และนูเนซ ปะทะเดือดหลังพบกันในUEFA

     หนึ่งในนั้นก็คือว่าที่นักเตะคนใหม่ของแมนยูอย่าง แอนโทนี่ จากสโมสร อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม และนักเตะใหม่ประจำลิเวอร์พูลอย่าง ดาร์วิน นูเนซ ที่ย้ายมาจากเบนฟิก้า ในอดีตทั้งสองคนนี้เคยปะทะกันมาแล้วในการแข่งขันรายการยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีกสมัยที่เจ้าตัวยังอยู่กับสโมสรต้นสังกัดเดิม การที่อันโตนีย้ายมาจากอาแจ็กซ์นั้นอาจทำให้เราได้เห็นภาพเก่าๆเหล่านั้นกลับคืนมาในการแข่งขันพรีเมียร์ลีกก็เป็นได้ เราจึงจะพาทุกคนมาย้อนรอยเหตุปะทะในครั้งนั้นกันว่าเกิดอะไรขึ้นและแต่ละฝ่ายเป็นอย่างไรกันบ้าง เหตุการณ์เกิดขึ้นในครั้งแรกของรอบ 16 ทีมสุดท้ายในการแข่งขันแชมป์เปียนลีก

     แอนโทนี่ ได้มีจังหวะเข้าไปเล่นกับ ดาวิน เพื่อที่จะพยายามเอาบอลออกมาให้สำเร็จทำให้มีจังหวะที่เหนียวรั้งกันและสุดท้ายต่างฝ่ายต่างก็ตกอยู่ในอารมณ์โมโหอย่างถึงขีดสุด ทั้งคู่ต่างมีนิสัยที่ไม่ยอมให้ใครทำให้ทั้งสองฝ่ายเอาหน้าผากชนกันและพูดใส่กันในระยะประชิด เหตุการณ์ในครั้งนั้นจบลงหลังจากที่อันโตนีกับหัวใส่อีกฝ่ายทำให้ถูกผู้ตัดสินลงความเห็นว่าเล่นรุนแรงจนเกินไปและได้รับใบเหลืองตักเตือนไปในที่สุด ถึงอย่างไรก็ตามทั้งคู่ก็เป็นเพียงแค่นักเตะอายุน้อยที่ยังอารมณ์ร้อน หลังจากนั้นพวกเขาได้มีการปรับความเข้าใจกันและมีท่าทีที่เป็นมิตรต่อกันมากขึ้น และการแข่งขันในครั้งนั้นก็จบลงไปด้วยคะแนน 2 ประตูต่อ 2 

     เหตุการณ์ดังกล่าวนั้นเพิ่งเกิดขึ้นในฤดูกาลที่ผ่านมาและในความเป็นจริงแล้วเราต่างก็ไม่ได้ทราบกันว่าสุดท้ายแล้วนักเตะทั้งสองคนได้เคลียร์ใจกันจริงๆ หรือไม่ ไม่เช่นนั้นกุนซือของทั้งสองฝ่ายอาจจะต้องอบรมสั่งสอนลูกทีมให้ดีเกี่ยวกับการจัดการอารมณ์ของตัวเอง เพราะการแข่งขันพรีเมียร์ลีกนั้นมีความดุเดือดและเล่นกันอย่างรุนแรงอยู่แล้ว หากปล่อยให้อารมณ์ขึ้นมาอยู่เหนือเหตุผลก็จะทำให้ถูกตัดสินโทษแบนเหมือนกับที่ ดาร์วิน นูเนซ ถูกตัดสินโทษในการแข่งขันนัดพบกับ คริสตัล พาเลซ ที่ผ่านมาจนไม่สามารถลงสนามได้ถึง 3 สัปดาห์ติดต่อกัน

     หากเขาต้องมีเรื่องกับนักเตะทีมอื่นอีกโดยเฉพาะจากแมนยูรับรองว่าคงจบไม่สวยสักเท่าไหร่ หากอ้างอิงตามที่มีการรายงานออกมานั้นนักเตะทั้งสองคนนี้จะเป็นนักเตะที่มีค่าตัวรวมแล้วทั้งสิ้นเป็นจำนวนกว่า 100 ล้านยูโรด้วยกันทั้งคู่ แต่ค่าตัวเบื้องต้นที่ต้องจ่ายนั้นแตกต่างกัน แมนยูจ่ายค่าตัว แอนโทนี่ ไปเลย 95 ล้านยูโร ในขณะที่ ลิเวอร์พูล จ่ายก่อนเพียงแค่ 75 ล้านยูโรเท่านั้น แต่เมื่อรวมบรรดาโบนัสเสริมตามเงื่อนไขทั้งหลายรวมแล้วก็ถือว่าเป็นจำนวนเงินนับร้อยล้านยูโรอยู่ดี