เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ เทรนเนอร์เปแอสเช พาทีมเข้ารอบนี้มาในฐานะรองแชมป์กลุ่ม เอ ก่อนเบียดชนะแรนส์ 1-0 ในเกมลีกล่าสุด เป็นการคว้าชัย 2 นัดติด

    ทางด้าน คาร์โล อันเชล็อตติ เทรนเนอร์ เรอัล มาดริด พาทีมเข้ารอบนี้มาในฐานะแชมป์กลุ่ม ดี ก่อนเสมอบียาร์เรอัลแบบโนสกอร์ในเกมลีกล่าสุด ทำให้ไม่แพ้มา 2 เกมแล้ว

    เปิดฉากครึ่งแรก 10 นาทีรูปเกมสูสีผลัดกันครองบอลโดยเป็น “ราชันชุดขาว” ได้จังหวะซัดทักทายแต่ก็ยังไม่ตรงกรอบ ส่วนทาง เปแอสเช เน้นขึ้นเกมทางซ้ายใช้ความเร็วของ คิลิยัน เอ็มบั๊ปเป้

     นาทีที่ 17 เจ้าถิ่น พลาดโอกาสทอง ลิโอเนล เมสซี่ ยกบอลออกซ้ายให้ คิลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ สอดหนี ดานี่ การ์บาฆัล หลุดกับดักล้ำหน้าเข้าไปล่อเป้า ติโบต์ กูร์กตัวส์ ในกรอบ 6 หลาแต่ยังซัดไปติดบล็อคหลุดออกหลัง

     15 นาทีก่อนหมดครึ่งแรก เปแอสเช โหมเกมรุกบดอยู่ข้างเดียวคราวนี้เป็น ลิโอเนล เมสซี่ โชว์ลีลาแหวกขึ้นมาดึงหนี ดาวิด อลาบา เข้าเขตโทษก่อนตวัดด้วยขวาบอลกระดอนพื้นหลุดเสาไกลออกหลัง

    ช่วงทดเจ็บ เรอัล มาดริด ได้ลุ้นประตูครั้งแรกจากลูกเตะมุมทางซ้ายของ โทนี่ โครส ปั่นบอลโค้งมาหน้ากรอบ 6 หลาถึง กาเซมิโร่ โฉบตัดหน้า เปรสแนล คิมเพ็มเบ้ โขกหลุดเสาแรกออกหลัง

     นาทีที่ 50 เปแอสเช ออกหมัดทันทีจากจังหวะประสานงานในเขตโทษ อาชราฟ ฮาคิมี่ ดีดเร็วให้ คิลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ พลิกเข้าขวาตะบันหนีบล็อค เอแดร์ มิลิเตา ติดปลายมือ ติโบต์ กูร์กตัวส์ ควักออกมาเหลือเชื่อ

นาทีที่ 77 จากบอลในกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย คิลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ สอดมาเก็บโยกหนี โทนี่ โครส ตัดเข้าในได้ช่องปั่นด้วยขวาผ่านหน้า ติโบต์ กูร์กตัวส์ เฉี่ยวเสาไกลออกหลังอย่างน่าเสียดาย

    แต่แล้วช่วงทดเจ็บนาทีที่ 90+4 เปแอสเช มาได้ประตูชัยจนได้จากความสามารถเฉพาะตัวของ คิลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ แตะจี้เข้าเขตโทษทางฝั่งซ้ายแหวกหนี ลูคัส บาสเกซ ก่อนซัดลอดขา ติโบต์ กูร์กตัวส์ ตุงตาข่ายงามหยด