ทีมชาติไทยอาจโดนฟีฟ่าแบน หลังเกิดเหตุแทรกแซงทางการเมือง

ทีมชาติไทยอาจโดนฟีฟ่าแบน

ทีมชาติไทยอาจโดนฟีฟ่าแบน

กลายเป็นประเด็นร้อนเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับวงการฟุตบอลไทยหลังจากที่การประชุมคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย รองนายกรัฐมนตรีผู้เป็นประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยได้มีการกล่าวในที่ประชุมเอาไว้ว่า การแข่งขันกีฬาฟุตบอลซีเกมส์ 2023 ที่จะถูกจัดขึ้นในประเทศกัมพูชาในช่วงเดือนพฤษภาคมปีหน้า

หาก ทีมชาติไทย ไม่สามารถคว้าแชมป์ได้สำเร็จจะต้องมีผู้รับผิดชอบ โดยเฉพาะนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยอย่างพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง จะต้องรับผิดชอบผลการแข่งขันด้วยการลาออกจากตำแหน่ง ในช่วงแรกแฟนบอลเสียงแตกออกเป็น 2 ส่วนว่านายกสมาคมควรลาออกจริงตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วกับบางส่วนที่มองว่าการที่รองนายกมาแทรกแซงการแข่งขันหรือการจัดการด้านกีฬานั้นเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม

หลังจากเหตุการณ์ผ่านมาได้ไม่นานดูเหมือนว่าทุกคนจะเริ่มคิดอะไรออก ทำเอาแฟนบอลถึงขั้นขวัญผวากันไปเลยทีเดียว เพราะการเอ่ยปากของรองนายกนั้นเป็นเรื่องสำคัญ และมันอาจจะกระทบ ทีมชาติไทย ถึงขั้นที่ถูกฟีฟ่าให้โทษแบนกันเลยทีเดียว ประเด็นดังกล่าวเคยเกิดขึ้นแล้วกับประเทศปากีสถานและอินโดนีเซียที่ถูกทางฟีฟ่าลงโทษแบนเนื่องจากมีการแทรกแซงทางการเมือง

ทางสมาคมกีฬา ฟุตบอลอินโดนีเซีย ได้มีการทำผิดกฎมาตรา 13 และมาตรา 17 ว่าด้วยสมาคมฟุตบอลของประเทศใดก็ตามจะต้องไม่ถูกแทรกแซงทางการเมือง ทำให้ทีมชาติอินโดนีเซียไม่ได้เข้าร่วมการแข่งขันระดับนานาชาติไประยะเวลาหนึ่งเลยทีเดียว และอีกประเทศที่โดนทอดใกล้เคียงกันก็คือปากีสถาน พวกเขาโดนลงโทษไม่ให้ลงแข่งขันในระดับนานาชาติหลังจากมีการตรวจสอบพบว่าสมาคมได้ถูกแทรกแซงจากบุคคลที่ 3 ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องทางการเมือง ส่งผลให้นายกสมาคมปากีสถานในช่วงเวลานั้นถูกระงับการทำหน้าที่ไประยะเวลาหนึ่งเลยทีเดียว สำหรับพ.ร.บ.การกีฬาแห่งประเทศไทยได้มีการระบุเกี่ยวกับการปลดคณะกรรมการสมาคมในมาตรา 86

ในกรณีที่มีการกระทำการหรืองดเว้นการปฏิบัติหน้าที่จนก่อให้เกิดความเสื่อมเสียประโยชน์ต่อสมาคม มีการดำเนินการที่จะนำพามาซึ่งความเสื่อมเสียของกีฬาในชาติทั้งทางตรงและทางอ้อม นายทะเบียนการกีฬาแห่งประเทศไทยมีอำนาจในการสั่งให้ปฏิบัติการเป็นขั้นตอนจนถึงขั้นพ้นตำแหน่งในที่สุด ดังนั้นคำขู่ในการประชุมที่ผ่านมาจึงนับว่ามีความเสี่ยงสูงไม่น้อยเลยทีเดียวที่ ทีมชาติไทย จะถูกฟีฟ่าแบนเนื่องจากคนที่มาเอ่ยปากนั้นเป็นถึงรองนายกรัฐมนตรี เรายังคงต้องลุ้นกันต่อไปว่าฟีฟ่าจะเคลื่อนไหวในส่วนของประเด็นดังกล่าวหรือไม่ และหวังว่าหลังจากนี้ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองของเราจะทำความเข้าใจเกี่ยวกับกฎสากลและระมัดระวังคำพูดของตนเองมากขึ้นกว่าเดิม 

 

อ่านข่าวเพิ่มเติม :: ผลบอลสดวันนี่

ข่าวฟุตบอลเพิ่มเติม :: ข่าวฟุตบอลวันนี้

วิเคราะห์บอลก่อนเกม